Name : Private Show
Artist : Britney Spears
Album : Glory
Writers : Britney Spears, Carla Williams, Tramaine Winfrey and Simon Smith
Artist : Britney Spears
Album : Glory
Writers : Britney Spears, Carla Williams, Tramaine Winfrey and Simon Smith
Oh-oh-oh-oh-oh-oh, oh-oh-oh
Oh-oh-oh-oh-oh-oh, oh-oh-oh
Oh-oh-oh-oh-oh-oh, oh-oh-oh
Oh-oh-oh-oh-oh-oh, oh-oh-oh
Watch our tension in this room
เราเกิดความตึงเครียดภายในห้องนี้
Your eyes on mine
ดวงตาของนายจับจ้องฉัน
Sit you down, hop onto your pot of gold
เชิญนั่งลงก่อน แล้วฉันจะพาไปยังสิ่งที่ปรารถนา
You make me come alive
นายมาทำให้ฉันกระชุ่มกระชวย
Swing it to the left, swing it to the right
โยกย้ายตัวไปทางซ้าย โยกย้ายตัวไปทางขวา
Strutting on the stage, center of the lights
เดินวางมาดอยู่บนเวที กลางแสงไฟส่องสว่าง
Dripping in smiles, they come on down
น้ำลายสออยู่ในรอยยิ้ม กลืนลงคอด้วยความอยาก
Take your seat now
หาที่นั่งของตัวเองเถอะ
Put on a private show
เริ่มต้นการแสดงแบบส่วนตัว
Pull the curtains until they close
ดึงผ้าม่านขึ้นจนกว่าการแสดงจะจบลง
I put on a private show
เริ่มการแสดงแบบเป็นกันเอง
We'll be whirling all on the low
เราจะแสดงแต่เรื่องทะลึ่งหยาบโลน
Work it, work it, boy watch me work it
ส่ายที สะบัดที นายมองดูฉันเต้นอย่างนั้นสิ
Slide down my pole, watch me spin it and twerk it
เลื้อยตัวลงมาจากเสา จับตามองฉันหมุนควงแล้วร่อนมันสิ
Work it, work it, boy watch me work it
ส่ายที สะบัดที นายมองดูฉันเต้นอย่างนั้นสิ
Slide down my pole, watch me spin it and twerk it
เลื้อยตัวลงมาจากเสา จับตามองฉันหมุนควงแล้วร่อนมันสิ
Put on a private show
เริ่มต้นการแสดงแบบส่วนตัว
Pull the curtains until they close
ดึงผ้าม่านขึ้นจนกว่าการแสดงจะจบลง
I put on a private show
เริ่มการแสดงแบบเป็นกันเอง
We'll be whirling all on the low
เราจะแสดงแต่เรื่องทะลึ่งหยาบโลน
We don't need crowds, we just need us
เราไม่ต้องการผู้ชมหรอก แค่มีเราสองคนก็พอ
Put my feelings up, about to erupt
เติมอารมณ์ของฉันให้พุ่งพล่านจนระเบิดออกเลย
All my tricks, they're spectacular ('tacular)
ทุกลีลาเด็ดของฉัน มันจะสร้างความประทับใจ
My encore is immaculate ('maculate)
แสดงเพิ่มอีกรอบอย่างไร้ตำหนิไม่มีข้อผิดพลาด
Swing it to the left, swing it to the right
โยกย้ายตัวไปทางซ้าย โยกย้ายตัวไปทางขวา
Strutting on the stage, center of the lights
เดินวางมาดอยู่บนเวที ท่ามกลางแสงไฟเจิดจรัส
Dripping in smiles, they come on down
น้ำลายสออยู่ในรอยยิ้ม กลืนลงคอด้วยความอยาก
Take your seat now
หาที่นั่งของตัวเองเถอะ
Put on a private show
เริ่มต้นการแสดงแบบส่วนตัว
Pull the curtains until they close
ดึงผ้าม่านขึ้นจนกว่าการแสดงจะจบลง
I put on a private show
เริ่มการแสดงแบบเป็นกันเอง
We'll be whirling all on the low
เราจะแสดงแต่เรื่องทะลึ่งหยาบโลน
Work it, work it, boy watch me work it
ส่ายที สะบัดที นายมองดูฉันเต้นอย่างนั้นสิ
Slide down my pole, watch me spin it and twerk it
เลื้อยตัวลงมาจากเสา จับตามองฉันหมุนควงแล้วร่อนมันสิ
Work it, work it, boy watch me work it
ส่ายที สะบัดที นายมองดูฉันเต้นอย่างนั้นสิ
Slide down my pole, watch me spin it and twerk it
เลื้อยตัวลงมาจากเสา จับตามองฉันหมุนควงแล้วร่อนมันสิ
Put on a private show
เริ่มต้นการแสดงแบบส่วนตัว
Pull the curtains until they close
ดึงผ้าม่านขึ้นจนกว่าการแสดงจะจบลง
I put on a private show
เริ่มการแสดงแบบเป็นกันเอง
We'll be whirling all on the low
เราจะแสดงแต่เรื่องทะลึ่งหยาบโลน
Strut it out, strut it out, eyes on me (eyes on me)
เฉิดฉายไปมา เฉิดฉายไปมา จับจ้องฉัน (มองแต่ฉันไว้)
Watch me strike a pose, feel my heat (feel my heat)
มองการวางท่าทางของฉัน รู้สึกถึงความร้องแรง (ความเร่าร้อน)
Spin around, spin around, three-sixty
หมุนตัวไป หมุนตัวมา สามร้อยหกสิบองศา
Ain't no boundaries here, the cameras freeze
ที่แห่งนี้ไม่มีขอบเขตอันใด หยุดการบันทึกภาพไว้เลย
Ooh, ooh, baby, baby
Ooh, ooh, baby, baby
Ooh, ooh, some entertaining
ที่รักหาความบันเทิงสักหน่อยเถอะ
Ooh, ooh
Put on a private show
เริ่มต้นการแสดงแบบส่วนตัว
Pull the curtains until they close
ดึงผ้าม่านขึ้นจนกว่าการแสดงจะจบลง
I put on a private show
เริ่มการแสดงแบบเป็นกันเอง
We'll be whirling all on the low
เราจะแสดงแต่เรื่องทะลึ่งหยาบโลน
Work it, work it, boy watch me work it
ส่ายที สะบัดที นายมองดูฉันเต้นอย่างนั้นสิ
Slide down my pole, watch me spin it and twerk it
เลื้อยตัวลงมาจากเสา จับตามองฉันหมุนควงแล้วร่อนมันสิ
Work it, work it, boy watch me work it
ส่ายที สะบัดที นายมองดูฉันเต้นอย่างนั้นสิ
Slide down my pole, watch me spin it and twerk it
เลื้อยตัวลงมาจากเสา จับตามองฉันหมุนควงแล้วร่อนมันสิ
Put on a private show
เริ่มต้นการแสดงแบบส่วนตัว
Pull the curtains until they close
ดึงผ้าม่านขึ้นจนกว่าการแสดงจะจบลง
I put on a private show
เริ่มการแสดงแบบเป็นกันเอง
We'll be whirling all on the low
เราจะแสดงแต่เรื่องทะลึ่งหยาบโลน
Curtains are closing now
ตอนนี้ผ้าม่านกำลังเลื่อนลง
Guess that's the end
คงเดินทางมาถึงช่วงท้ายแล้ว
Can we go again?
เราไปต่อกันอีกทีได้ไหม?
Can we do it all again?
เราทำทุกอย่างอีกหนได้ไหม?
Nah, I'll take a bow
ไม่มีทาง เพราะฉันเตรียมโค้งคำนับแล้ว
Work down, work it out
ลดจังหวะและการเคลื่อนไหวลง
Twisting all, my apple pie
ถึงเวลาหักมุมแล้วที่รักของฉัน
Apple pie, satisfy
นายอันเป็นที่รักพอใจแล้วสิ
Oh-oh-oh-oh-oh-oh, oh-oh-oh
Oh-oh-oh-oh-oh-oh, oh-oh-oh
Oh-oh-oh-oh-oh-oh, oh-oh-oh
Watch our tension in this room
เราเกิดความตึงเครียดภายในห้องนี้
Your eyes on mine
ดวงตาของนายจับจ้องฉัน
Sit you down, hop onto your pot of gold
เชิญนั่งลงก่อน แล้วฉันจะพาไปยังสิ่งที่ปรารถนา
You make me come alive
นายมาทำให้ฉันกระชุ่มกระชวย
Swing it to the left, swing it to the right
โยกย้ายตัวไปทางซ้าย โยกย้ายตัวไปทางขวา
Strutting on the stage, center of the lights
เดินวางมาดอยู่บนเวที กลางแสงไฟส่องสว่าง
Dripping in smiles, they come on down
น้ำลายสออยู่ในรอยยิ้ม กลืนลงคอด้วยความอยาก
Take your seat now
หาที่นั่งของตัวเองเถอะ
Put on a private show
เริ่มต้นการแสดงแบบส่วนตัว
Pull the curtains until they close
ดึงผ้าม่านขึ้นจนกว่าการแสดงจะจบลง
I put on a private show
เริ่มการแสดงแบบเป็นกันเอง
We'll be whirling all on the low
เราจะแสดงแต่เรื่องทะลึ่งหยาบโลน
Work it, work it, boy watch me work it
ส่ายที สะบัดที นายมองดูฉันเต้นอย่างนั้นสิ
Slide down my pole, watch me spin it and twerk it
เลื้อยตัวลงมาจากเสา จับตามองฉันหมุนควงแล้วร่อนมันสิ
Work it, work it, boy watch me work it
ส่ายที สะบัดที นายมองดูฉันเต้นอย่างนั้นสิ
Slide down my pole, watch me spin it and twerk it
เลื้อยตัวลงมาจากเสา จับตามองฉันหมุนควงแล้วร่อนมันสิ
Put on a private show
เริ่มต้นการแสดงแบบส่วนตัว
Pull the curtains until they close
ดึงผ้าม่านขึ้นจนกว่าการแสดงจะจบลง
I put on a private show
เริ่มการแสดงแบบเป็นกันเอง
We'll be whirling all on the low
เราจะแสดงแต่เรื่องทะลึ่งหยาบโลน
We don't need crowds, we just need us
เราไม่ต้องการผู้ชมหรอก แค่มีเราสองคนก็พอ
Put my feelings up, about to erupt
เติมอารมณ์ของฉันให้พุ่งพล่านจนระเบิดออกเลย
All my tricks, they're spectacular ('tacular)
ทุกลีลาเด็ดของฉัน มันจะสร้างความประทับใจ
My encore is immaculate ('maculate)
แสดงเพิ่มอีกรอบอย่างไร้ตำหนิไม่มีข้อผิดพลาด
Swing it to the left, swing it to the right
โยกย้ายตัวไปทางซ้าย โยกย้ายตัวไปทางขวา
Strutting on the stage, center of the lights
เดินวางมาดอยู่บนเวที ท่ามกลางแสงไฟเจิดจรัส
Dripping in smiles, they come on down
น้ำลายสออยู่ในรอยยิ้ม กลืนลงคอด้วยความอยาก
Take your seat now
หาที่นั่งของตัวเองเถอะ
Put on a private show
เริ่มต้นการแสดงแบบส่วนตัว
Pull the curtains until they close
ดึงผ้าม่านขึ้นจนกว่าการแสดงจะจบลง
I put on a private show
เริ่มการแสดงแบบเป็นกันเอง
We'll be whirling all on the low
เราจะแสดงแต่เรื่องทะลึ่งหยาบโลน
Work it, work it, boy watch me work it
ส่ายที สะบัดที นายมองดูฉันเต้นอย่างนั้นสิ
Slide down my pole, watch me spin it and twerk it
เลื้อยตัวลงมาจากเสา จับตามองฉันหมุนควงแล้วร่อนมันสิ
Work it, work it, boy watch me work it
ส่ายที สะบัดที นายมองดูฉันเต้นอย่างนั้นสิ
Slide down my pole, watch me spin it and twerk it
เลื้อยตัวลงมาจากเสา จับตามองฉันหมุนควงแล้วร่อนมันสิ
Put on a private show
เริ่มต้นการแสดงแบบส่วนตัว
Pull the curtains until they close
ดึงผ้าม่านขึ้นจนกว่าการแสดงจะจบลง
I put on a private show
เริ่มการแสดงแบบเป็นกันเอง
We'll be whirling all on the low
เราจะแสดงแต่เรื่องทะลึ่งหยาบโลน
Strut it out, strut it out, eyes on me (eyes on me)
เฉิดฉายไปมา เฉิดฉายไปมา จับจ้องฉัน (มองแต่ฉันไว้)
Watch me strike a pose, feel my heat (feel my heat)
มองการวางท่าทางของฉัน รู้สึกถึงความร้องแรง (ความเร่าร้อน)
Spin around, spin around, three-sixty
หมุนตัวไป หมุนตัวมา สามร้อยหกสิบองศา
Ain't no boundaries here, the cameras freeze
ที่แห่งนี้ไม่มีขอบเขตอันใด หยุดการบันทึกภาพไว้เลย
Ooh, ooh, baby, baby
Ooh, ooh, baby, baby
Ooh, ooh, some entertaining
ที่รักหาความบันเทิงสักหน่อยเถอะ
Ooh, ooh
Put on a private show
เริ่มต้นการแสดงแบบส่วนตัว
Pull the curtains until they close
ดึงผ้าม่านขึ้นจนกว่าการแสดงจะจบลง
I put on a private show
เริ่มการแสดงแบบเป็นกันเอง
We'll be whirling all on the low
เราจะแสดงแต่เรื่องทะลึ่งหยาบโลน
Work it, work it, boy watch me work it
ส่ายที สะบัดที นายมองดูฉันเต้นอย่างนั้นสิ
Slide down my pole, watch me spin it and twerk it
เลื้อยตัวลงมาจากเสา จับตามองฉันหมุนควงแล้วร่อนมันสิ
Work it, work it, boy watch me work it
ส่ายที สะบัดที นายมองดูฉันเต้นอย่างนั้นสิ
Slide down my pole, watch me spin it and twerk it
เลื้อยตัวลงมาจากเสา จับตามองฉันหมุนควงแล้วร่อนมันสิ
Put on a private show
เริ่มต้นการแสดงแบบส่วนตัว
Pull the curtains until they close
ดึงผ้าม่านขึ้นจนกว่าการแสดงจะจบลง
I put on a private show
เริ่มการแสดงแบบเป็นกันเอง
We'll be whirling all on the low
เราจะแสดงแต่เรื่องทะลึ่งหยาบโลน
Curtains are closing now
ตอนนี้ผ้าม่านกำลังเลื่อนลง
Guess that's the end
คงเดินทางมาถึงช่วงท้ายแล้ว
Can we go again?
เราไปต่อกันอีกทีได้ไหม?
Can we do it all again?
เราทำทุกอย่างอีกหนได้ไหม?
Nah, I'll take a bow
ไม่มีทาง เพราะฉันเตรียมโค้งคำนับแล้ว
Work down, work it out
ลดจังหวะและการเคลื่อนไหวลง
Twisting all, my apple pie
ถึงเวลาหักมุมแล้วที่รักของฉัน
Apple pie, satisfy
นายอันเป็นที่รักพอใจแล้วสิ
คุยกันต่อหลังแปลเพลง:
เนื้อหาของเพลงมันมีแรงดึงดูดทางเพศมากมายเหลือเกิน ผมรู้สึกว่าอัลบั้มนี้ของ Britney Spears น่าจะออกมาสวยงามทีเดียวจนสามารถเทียบเท่ากับอัลบั้ม Ray of Light ของมาดอนน่าได้เลย เพราะหลังจากปล่อยออกมาสองเพลงแล้ว ผมพบว่าภาคดนตรี การใช้ภาษาในเนื้อเพลง การร้องของตัวเธอ และความหมายของเพลง มันแสดงให้เห็นถึงความตั้งใจอันเปี่ยมล้นของเธอและทีมงาน ผมชอบตรงที่เนื้อหาของเพลงสามารถดึงดูดอารมณ์ร้อนแรงให้กับผู้ฟังได้โดยไม่มีการใช้คำล่อแหลมแต่อย่างใด ตัวเพลงจึงมีความเซ็กซี่ที่ราคาแพงและหรูหราราวกับใส่เครื่องประดับเพชรเลยทีเดียว ถ้าหากเพลงอื่นในอัลบั้มยังคงมีความดีงามเช่นนี้สอดแทรกอยู่ ผมคิดว่ารางวัลแกรมมี่คงต้องหันมาจับตามองเธอใหม่ในฐานะศิลปินตัวจริงเสียที
แม้ว่าหลายสิ่งของเพลงจะชวนให้นึกถึงเพลงเก่าอย่าง Circus แต่ผมคิดว่าเพลงนี้มีความเหนือกว่ามาก เพราะมันมีรูปแบบที่ไม่ค่อยได้เห็นในผลงานเก่าอย่างที่แฟนเพลงเคยผ่านพบมา อันที่จริงมันออกจะดูชนชั้นสูงกว่าเดิมด้วยซ้ำไป โดยเนื้อหาของเพลงพูดถึงการแสดงแบบส่วนตัว ถ้าลองคิดตามแง่ของประวัติศาสตร์ เราจะพบว่าการแสดงส่วนตัวที่มีมาตั้งแต่อดีตกาลจนถึงปัจจุบัน คงหนีไม่พ้นการแสดงที่ติดเรต อาจจะเป็นการใส่ชุดชั้นในหรือเปลือยกายล่อนจ้อนแล้วโยกย้ายไปตามจังหวะด้วยลีลาอันเผ็ดร้อน เชิญชวนให้ชายหนุ่มจินตนาการจนเตลิดไปไกล แต่ถึงกระนั้นตัวเพลงไม่ได้นำเราเข้าไปสู่เรื่องของเพศสัมพันธ์เหมือนกับบทเพลงเก่า ๆ ของเธอ เพราะมันหักมุมตรงที่เธอปล่อยให้พวกชายหนุ่มเหล่านั้นจินตนาการไปโดยที่ไม่ได้สัมผัสตัวของเธอเลยแม้แต่น้อย จากท่อนสุดท้ายของเพลงที่ถามว่า "คุณอยากไปต่อกันไหม?" แน่นอนว่าชายหนุ่มย่อมอยากอยู่แล้ว แต่ทว่าเธอกลับโค้งคำนับจบการแสดงไปเสียอย่างนั้น ปล่อยให้เหล่าชายหนุ่มถวิลหาการแสดงครั้งต่อไป (ยอดเยี่ยมไปเลยไหมล่ะ?)
ผมอยากเสนอคำว่า "Pot of Gold" เพราะชาวต่างชาติมักใช้บ่อยมาก มันไม่ได้หมายถึง "โถทองคำ" อย่างตรงตัว หากแต่มันหมายถึงของที่เราปรารถนามากที่สุดต่างหาก โดยคำดังกล่าวมาจากนิทานของประเทศไอร์แลนด์ที่พูดถึงภูติตัวน้อยได้นำโถทองคำไปซ่อนไว้ตรงปลายสายรุ้ง ต่อมามันจึงกลายเป็นสำนวนที่มีความหมายว่า "สิ่งที่เราปรารถนาอยากได้มาก แต่ไขว้คว้าเท่าไหร่กลับไม่ได้ครอบครองสักที" ถ้าตีความตามเนื้อเพลงแล้วมันจะเหมือนกับ "Britney Spears จะให้ชมของที่คุณปรารถนา เพียงแต่คุณไม่สามารถครอบครองได้ อาจเห็นได้ด้วยตาเท่านั้น แต่ไม่สามารถจับต้องได้ตามใจต้องการ"
ส่วนคำว่า Apple Pie คำนี้ใช้แทนตัวคนที่เรารักครับ
และคำว่า Immaculate หมายถึง "บริสุทธิ์" แต่มันใช้ต่างจากคำว่า Pure ตรงที่ Pure หมายถึงของสิ่งนั้นบริสุทธิ์ได้ด้วยตัวของมันเอง แต่ Immaculate นั้นเราเป็นคนทำให้มันบริสุทธิ์ต่างหาก ในเนื้อเพลงจึงหมายถึง "แม้จะแสดงใหม่อีกรอบ มันก็ไม่มีที่ติเหมือนเดิม"
และสุดท้าย Freeze ไม่ได้แปลว่า "กลายเป็นน้ำแข็ง" อย่างเดียวเท่านั้น แต่มันสามารถหมายถึง "หยุด" หรือ "อย่ากระดุกกระดิก" ได้ด้วย เช่นเวลาตำรวจจะเข้าจับกุมคนร้าย เขาจะพูดคำว่า Freeze! นั่นหมายถึง "หยุดเลย!" ดังนั้นในเนื้อเพลงจึงหมายถึง "หยุดบันทึกภาพเสียเถอะ" เพราะมันเป็นการแสดงแบบส่วนตัว นายจะถ่ายไปอวดใครหรือไง ถ้าอย่างนั้นเขาคงไม่เรียกว่า "ส่วนตัว" หรอกเนอะ.
เนื้อหาของเพลงมันมีแรงดึงดูดทางเพศมากมายเหลือเกิน ผมรู้สึกว่าอัลบั้มนี้ของ Britney Spears น่าจะออกมาสวยงามทีเดียวจนสามารถเทียบเท่ากับอัลบั้ม Ray of Light ของมาดอนน่าได้เลย เพราะหลังจากปล่อยออกมาสองเพลงแล้ว ผมพบว่าภาคดนตรี การใช้ภาษาในเนื้อเพลง การร้องของตัวเธอ และความหมายของเพลง มันแสดงให้เห็นถึงความตั้งใจอันเปี่ยมล้นของเธอและทีมงาน ผมชอบตรงที่เนื้อหาของเพลงสามารถดึงดูดอารมณ์ร้อนแรงให้กับผู้ฟังได้โดยไม่มีการใช้คำล่อแหลมแต่อย่างใด ตัวเพลงจึงมีความเซ็กซี่ที่ราคาแพงและหรูหราราวกับใส่เครื่องประดับเพชรเลยทีเดียว ถ้าหากเพลงอื่นในอัลบั้มยังคงมีความดีงามเช่นนี้สอดแทรกอยู่ ผมคิดว่ารางวัลแกรมมี่คงต้องหันมาจับตามองเธอใหม่ในฐานะศิลปินตัวจริงเสียที
แม้ว่าหลายสิ่งของเพลงจะชวนให้นึกถึงเพลงเก่าอย่าง Circus แต่ผมคิดว่าเพลงนี้มีความเหนือกว่ามาก เพราะมันมีรูปแบบที่ไม่ค่อยได้เห็นในผลงานเก่าอย่างที่แฟนเพลงเคยผ่านพบมา อันที่จริงมันออกจะดูชนชั้นสูงกว่าเดิมด้วยซ้ำไป โดยเนื้อหาของเพลงพูดถึงการแสดงแบบส่วนตัว ถ้าลองคิดตามแง่ของประวัติศาสตร์ เราจะพบว่าการแสดงส่วนตัวที่มีมาตั้งแต่อดีตกาลจนถึงปัจจุบัน คงหนีไม่พ้นการแสดงที่ติดเรต อาจจะเป็นการใส่ชุดชั้นในหรือเปลือยกายล่อนจ้อนแล้วโยกย้ายไปตามจังหวะด้วยลีลาอันเผ็ดร้อน เชิญชวนให้ชายหนุ่มจินตนาการจนเตลิดไปไกล แต่ถึงกระนั้นตัวเพลงไม่ได้นำเราเข้าไปสู่เรื่องของเพศสัมพันธ์เหมือนกับบทเพลงเก่า ๆ ของเธอ เพราะมันหักมุมตรงที่เธอปล่อยให้พวกชายหนุ่มเหล่านั้นจินตนาการไปโดยที่ไม่ได้สัมผัสตัวของเธอเลยแม้แต่น้อย จากท่อนสุดท้ายของเพลงที่ถามว่า "คุณอยากไปต่อกันไหม?" แน่นอนว่าชายหนุ่มย่อมอยากอยู่แล้ว แต่ทว่าเธอกลับโค้งคำนับจบการแสดงไปเสียอย่างนั้น ปล่อยให้เหล่าชายหนุ่มถวิลหาการแสดงครั้งต่อไป (ยอดเยี่ยมไปเลยไหมล่ะ?)
ผมอยากเสนอคำว่า "Pot of Gold" เพราะชาวต่างชาติมักใช้บ่อยมาก มันไม่ได้หมายถึง "โถทองคำ" อย่างตรงตัว หากแต่มันหมายถึงของที่เราปรารถนามากที่สุดต่างหาก โดยคำดังกล่าวมาจากนิทานของประเทศไอร์แลนด์ที่พูดถึงภูติตัวน้อยได้นำโถทองคำไปซ่อนไว้ตรงปลายสายรุ้ง ต่อมามันจึงกลายเป็นสำนวนที่มีความหมายว่า "สิ่งที่เราปรารถนาอยากได้มาก แต่ไขว้คว้าเท่าไหร่กลับไม่ได้ครอบครองสักที" ถ้าตีความตามเนื้อเพลงแล้วมันจะเหมือนกับ "Britney Spears จะให้ชมของที่คุณปรารถนา เพียงแต่คุณไม่สามารถครอบครองได้ อาจเห็นได้ด้วยตาเท่านั้น แต่ไม่สามารถจับต้องได้ตามใจต้องการ"
ส่วนคำว่า Apple Pie คำนี้ใช้แทนตัวคนที่เรารักครับ
และคำว่า Immaculate หมายถึง "บริสุทธิ์" แต่มันใช้ต่างจากคำว่า Pure ตรงที่ Pure หมายถึงของสิ่งนั้นบริสุทธิ์ได้ด้วยตัวของมันเอง แต่ Immaculate นั้นเราเป็นคนทำให้มันบริสุทธิ์ต่างหาก ในเนื้อเพลงจึงหมายถึง "แม้จะแสดงใหม่อีกรอบ มันก็ไม่มีที่ติเหมือนเดิม"
และสุดท้าย Freeze ไม่ได้แปลว่า "กลายเป็นน้ำแข็ง" อย่างเดียวเท่านั้น แต่มันสามารถหมายถึง "หยุด" หรือ "อย่ากระดุกกระดิก" ได้ด้วย เช่นเวลาตำรวจจะเข้าจับกุมคนร้าย เขาจะพูดคำว่า Freeze! นั่นหมายถึง "หยุดเลย!" ดังนั้นในเนื้อเพลงจึงหมายถึง "หยุดบันทึกภาพเสียเถอะ" เพราะมันเป็นการแสดงแบบส่วนตัว นายจะถ่ายไปอวดใครหรือไง ถ้าอย่างนั้นเขาคงไม่เรียกว่า "ส่วนตัว" หรอกเนอะ.
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น