Zam Zatoru

"ผมแค่อยากแปลเนื้อเพลงภาษาอังกฤษให้เป็นภาษาไทย ส่วนหนึ่งก็เพื่อเพิ่มเติมความรู้ให้กับตัวเอง
ดังนั้นการแปลของผมจึงอาจไม่ถูกต้องและสมบูรณ์แบบนัก แต่ผมทำด้วยความตั้งใจจริง
ผมหวังเป็นอย่างยิ่งว่าทุกบทความของผมจะสร้างความสุขให้แก่ท่านที่ผ่านเข้ามา
ถ้าหากผิดพลาดประการใด ผมขออภัยมา ณ. ที่นี่ด้วย" - Zam Zatoru (18 กรกฎาคม 2559)

วันจันทร์ที่ 12 ตุลาคม พ.ศ. 2558

Britney Spears - Passenger

Name : Passenger
Artist : Britney Spears
Album : Britney Jean
Writers : Britney Spears, Thomas Pentz, Sia Furler, Andrew Swanson and Katy Perry


I can't let go of control
ฉันไม่เคยออกนอกเส้นทาง
I can't let go and not know
ฉันไม่เคยออกเดินทางโดยที่ไม่ทราบจุดหมาย
Don't know the way you're heading me
ไม่รู้เหมือนกันว่าคุณกำลังพาฉันไปที่ไหน
One day at a time is all I need
แต่สิ่งที่ฉันต้องการคือมีความสุขอยู่กับปัจจุบัน
There was a time without trust
เคยมีช่วงเวลาหนึ่งที่ฉันขาดความเชื่อมั่น
There was a time without love
เคยมีช่วงเวลาหนึ่งที่ฉันปราศจากความรัก
But it took you to show me
แต่มันกลับนำคุณเข้ามาหาฉัน
I could handover the keys
ฉันเลยส่งมอบกุญแจให้กับคุณ

I'll let you lead the way now
ฉันจะปล่อยให้คุณเป็นคนนำทางไป
Cause I want you to take the wheel
เพราะฉันอยากให้คุณเป็นคนขับ
I've never been a passenger though
ฉันไม่เคยเป็นผู้โดยสารมาก่อนเลย
I never knew how good it could feel
แม้ไม่รู้ว่าความรู้สึกที่ฉันมีจะดีได้สักเท่าไหร่
The road will twist and turn but
กับถนนหนทางอันคดเคี้ยวและวกวน
I know that I am in good hands
แต่ฉันรู้ว่าตัวเองอยู่ภายใต้การดูแลที่ดี
I've never been a passenger no
ฉันไม่เคยเป็นผู้โดยสารมาก่อนเลย
But we'll see more without a map
แต่เราจะเห็นสิ่งที่มากกว่าในแผนที่บอกไว้
Without a map
ไม่ต้องใช้แผนที่
Without a map
ไม่ต้องใช้แผนที่
Without a map
ไม่ต้องใช้แผนที่

So let's take a walk and get lost
ดังนั้นออกไปเที่ยวแล้วหลงทางกันเถอะ
Let's take a chance on finding us
ลองเสี่ยงเพื่อตามหาความเป็นเราสองคน
I wanna see the world with you
ฉันอยากเห็นโลกกว้างไปพร้อมกับคุณ
Every step feels so brand new
ทุกย่างก้าวได้มอบประสบการณ์ใหม่
It's hard to jump with no net
มันยากที่ต้องกระโดดโดยไม่มีตาข่ายมารองรับไว้
But I've jumped and got no regret
แต่ฉันไม่เสียใจเลยที่ตัดสินใจกระโดดออกไป
My co-pilot yeah that's right
คุณเปรียบเสมือนนักบินผู้ช่วยของฉัน
Now I can just enjoy the ride
ตอนนี้ฉันแค่มีความสุขอยู่กับการเดินทาง

I'll let you lead the way now
ฉันจะปล่อยให้คุณเป็นคนนำทางไป
Cause I want you to take the wheel
เพราะฉันอยากให้คุณเป็นคนขับ
I've never been a passenger though
ฉันไม่เคยเป็นผู้โดยสารมาก่อนเลย
I never knew how good it could feel
แม้ไม่รู้ว่าความรู้สึกที่ฉันมีจะดีได้สักเท่าไหร่
The road will twist and turn but
กับถนนหนทางอันคดเคี้ยวและวกวน
I know that I am in good hands
แต่ฉันรู้ว่าตัวเองอยู่ภายใต้การดูแลที่ดี
I've never been a passenger no
ฉันไม่เคยเป็นผู้โดยสารมาก่อนเลย
But we'll see more without a map
แต่เราจะเห็นสิ่งที่มากกว่าในแผนที่บอกไว้
Without a map
ไม่ต้องใช้แผนที่
Without a map
ไม่ต้องใช้แผนที่
Without a map
ไม่ต้องใช้แผนที่

And now we're finally falling
ในที่สุดเราสองคนก็ได้ตกหลุมรักกัน
Cause I was giving you half now I'm all in
เพราะตอนนี้ฉันมอบครึ่งใจให้กับคุณไปแล้ว
My hands in the air while you're driving
ชูมือลอยกลางอากาศขณะที่คุณขับรถแล่นไป
This is living
นี่แหละการใช้ชีวิต
This is living
นี่แหละการใช้ชีวิต
This is living
นี่แหละการใช้ชีวิต
Yeah

I'll let you lead the way now
ฉันจะปล่อยให้คุณเป็นคนนำทางไป
Cause I want you to take the wheel
เพราะฉันอยากให้คุณเป็นคนขับ
I've never been a passenger though
ฉันไม่เคยเป็นผู้โดยสารมาก่อนเลย
I never knew how good it could feel
แม้ไม่รู้ว่าความรู้สึกที่ฉันมีจะดีได้สักเท่าไหร่
The road will twist and turn but
กับถนนหนทางอันคดเคี้ยวและวกวน
I know that I am in good hands
แต่ฉันรู้ว่าตัวเองอยู่ภายใต้การดูแลที่ดี
I've never been a passenger no
ฉันไม่เคยเป็นผู้โดยสารมาก่อนเลย
But we'll see more without a map
แต่เราจะเห็นสิ่งที่มากกว่าในแผนที่บอกไว้
Without a map
ไม่ต้องใช้แผนที่
Without a map
ไม่ต้องใช้แผนที่
Without a map
ไม่ต้องใช้แผนที่


คุยกันต่อหลังแปลเพลง:

มันเป็นเพลงที่มีความหมายดีที่สุดในอัลบั้มชุดนี้เลยในความคิดของผม เป็นการเปรียบเปรยความสัมพันธ์ระหว่างคนรักให้เหมือนกับการออกเดินทาง ซึ่งปรกติเพลงรักของบริทนี่ย์มักจะเป็นประเภทผู้ชายเข้ามาพร้อมมอบความรักอันยิ่งใหญ่มหาศาล เชิดชูฝ่ายชายว่าดีกับเธออย่างนั้นอย่างนี้ จนบางครั้งผมอดนึกไม่ได้ว่าเนื้อเพลงของบริทนี่ย์เหมือนเรือที่วนอยู่อ่าง แค่เปลี่ยนการใช้คำและการใช้ภาษาใหม่ แต่สิ่งที่ได้คือความหมายไม่ต่างกัน ซึ่งอัลบั้มชุดนี้มีหลายเพลงที่สร้างความแปลกใหม่ในแง่ของเนื้อเพลงให้กับตัวของบริทนี่ย์ มันมีความลึกซึ้งกินใจมากขึ้น

ความหมายโดยรวมของเพลงนี้เป็นการพูดถึงความรักที่เปรียบเสมือนการออกเดินทาง แต่ก่อนนั้นเธอไม่เคยใช้ชีวิตที่ขาดการวางแผนมาก่อนเลย ความรักของเธอจำเป็นต้องมีหนทางและจุดหมายที่แน่นอน ไม่เช่นนั้นเธอจะไม่มีวันออกเดินทางเด็ดขาด แต่เขากลับมาเปลี่ยนความคิดของเธอไป โดยพาเธอไปด้วยกันโดยไม่ได้วางแผนและกำหนดจุดหมาย ขอแค่ทำวันนี้ให้ดีที่สุดเท่านั้นเป็นพอ เธอจึงเริ่มไว้วางใจและยอมให้เขาเป็นคนนำเธอไปในถนนสายนั้นโดยไม่มีคำถามใดอีกเลย

ผมอยากเสนอคำศัพท์ที่ว่า One day at a time มากเลย คำนี้มันมีความหมายว่า "จดจ่ออยู่กับเหตุการณ์ปัจจุบัน อย่าเพิ่งรีบร้อนกับอนาคตที่ยังมาไม่ถึง เพราะเรายังไม่แน่ใจว่าอนาคตจะเป็นยังไง" ผมจึงรวบรัดขัดเกลาภาษาว่า "มีความสุขอยู่กับปัจจุบัน" โดยเนื้อเพลงกำลังพูดถึงการที่บริทนี่ย์เคยวางแผนชีวิตของตัวเองไว้ นั่นคืออนาคตที่ยังมาไม่ถึง มันอาจจะเปลี่ยนแปลงได้ตลอดเวลา ดังนั้นเมื่อผู้ชายคนหนึ่งเข้ามาเปบี่ยนความคิดของเธอไป เธอจึงกลายเป็นคนที่มีความสุขกับปัจจุบันดีกว่า

ส่วนคำว่า Take a chance ไม่ได้มีความหมายว่า "ขอโอกาส" เหมือนอย่างที่หลายคนคิด แต่คำนี้แปลว่า "เสี่ยง, เสี่ยงโชค หรือลองดู" เวลาได้ยินคำนี้ผมจะนึกถึงตัวเองยืนอยู่ตรงทางแยกซ้ายกับขวา ซึ่งผมเชื่อว่าถ้าเราไปทางซ้ายเราจะเจอเหตุการณ์หนึ่ง แต่ถ้าเราเลือกไปทางขวาเราก็จะเจอกับอีกเหตุการณ์หนึ่ง โดยเราไม่รู้หรอกว่าทางไหนเป็นยังไง ดังนั้นเราจึงต้องลองเสี่ยงเลือกสักทางหนึ่ง

ขออีกสักนิดป็นคำสุดท้ายคือ Co-pilot เพราะผมรู้สึกว่าพอเอามาใส่ในเพลงนี้มันช่างกินใจผมเหลือเกิน คำนี้มันหมายถึง "นักบินคนที่สอง หรือนักบินผู้ช่วย" ในการขับเครื่องบินจำเป็นต้องมีนักบินสองคนเอาไว้ช่วยเหลือและตัดสินใจร่วมกันเพื่อให้เครื่องบินไปถึงจุดหมายได้อย่างปลอดภัย ซึ่งในเพลงบริทนี่ย์เปรียบผู้ชายคนนั้นเป็นนักบินผู้ช่วย จึงหมายถึงการเดินทางครั้งนี้เราสองคนจะร่วมกันตัดสินใจ ไม่มีใครคนใดคนหนึ่งเป็นผู้นำหรือผู้ตาม.

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น